น่ารู้เรื่อง ตุ๊กตาหมี

                                                                                             อันยองฮาเซโย....

เสียงใสบวกกับหน้าใส ๆ ของสาวเกาหลีกล่าวทักทายต้อนรับอยู่ตรงทางเข้าพิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ (Teddy Bear Museum) ทำให้อาการเหนื่อยหอบของคณะคลื่นแมกซ์ 103.0 แมกซิมั่มฮิตส์ ที่เดินขึ้นเขานัมซานมาที่หอคอยกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์เมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง

พิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ ประเทศเกาหลีใต้ ที่เป็นจุดใหญ่ ๆ มีอยู่ 4 แห่ง คือที่เกาะเจจู 2 แห่ง ที่เทือกเขาซอรัก จังหวัดคังวอน และที่โซล ทาวเวอร์ ไม่ว่าน้องหนูจะไปที่ไหน จะได้สัมผัสกับเจ้าหมีน้อยเท็ดดี้แบร์อย่างใกล้ชิดเหมือนกันก่อนเข้าไปด้านในพิพิธภัณฑ์มารู้จักประวัติเท็ดดี้แบร์กันก่อนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเท็ดดี้แบร์จาก 2 แหล่งคือ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ในเวลาที่ใกล้เคียงกันคือประมาณปี ค.ศ.1902

                  เรื่องเล่าของเยอรมนี
ที่เยอรมนี ปี ค.ศ.1902 ริชาร์ด สไตฟ์ นักออกแบบของเล่นในโรงงานของครอบครัวเขาเอง เดินทางไปดูการแสดงละครสัตว์ที่สหรัฐอเมริกา แล้วเขาก็ได้ไอเดีย เอาหมีในคณะละครสัตว์มาเป็นแบบผลิตตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบจะมีข้อต่อตามจุดต่างๆ ได้แก่ คอ แขน และขา ทำให้เปลี่ยนอิริยาบถได้ ต่างจากตุ๊กตาหมีที่มีอยู่ในขณะนั้น

ริชาร์ด สไตฟ์ นำตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบไปแสดงในงานแสดงสินค้า แต่เขากลับต้องผิดหวังที่ไม่มีคนสนใจตุ๊กตาหมีของเขาเลย

จนวันสุดท้าย ขณะที่เขากำลังเก็บของ ชาวอเมริกันคนหนึ่งเดินเข้ามาดูตุ๊กตาหมีของเขาและสั่งซื้อจำนวนมาก ทำให้ตุ๊กตาหมีของเขาแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ

                  เรื่องเล่าอเมริกา
ในปี ค.ศ.1902 ที่อเมริกา ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์ เดินทางไปที่มิสซิสซิปปี้เพื่อเจรจายุติกรณีพิพาทเกี่ยวกับอาณาเขต ในวันหนึ่งท่านได้ออกไปล่าสัตว์ หลายชั่วโมงผ่านไปท่านก็ยังล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว

องครักษ์ของท่านที่ตามไปด้วยพบลูกหมีตัวหนึ่งพลัดหลงมา จึงจับลูกหมีตัวนั้นผูกต้นไม้ไว้ และตามประธานาธิบดีมาดูเพื่อมอบให้ แต่ประธานาธิบดีกลับปล่อยลูกหมีให้เป็นอิสระ

ข่าวของประธานาธิบดีปล่อยลูกหมีดังไปทั่ว คลิฟฟอร์ด เบอร์รี่แมน นักเขียนการ์ตูนของหนังสือพิมพ์การเมือง ยังนำไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ ซึ่งจุดประกายให้ มอร์ริส มิชทอม ออกแบบและผลิตตุ๊กตาหมีนำมาวางจำหน่ายที่ร้านของเขาเอง

ปรากฏว่าตุ๊กตาขายดี ตั้งโชว์ที่หน้าร้านพร้อมภาพการ์ตูนที่เขียนโดย คลิฟฟอร์ด เบอร์รี่แมน และป้ายข้อความว่า Teddy"s Bear ตุ๊กตาหมีขายดี

จากนั้นเพียงปีเดียว มอร์ริส มิชทอม ได้ปิดร้านและจัดตั้งบริษัท Ideal Novelty and Toy ขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ติดอันดับยักษ์ใหญ่ทางด้านของเล่นของโลกในปัจจุบัน

รู้จักประวัติกันแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปดูด้านในกันละทีนี้

จากทางเดินด้านนอกเข้าไป แสงที่สว่างเริ่มสลัวลงเรื่อย ๆ เพื่อให้เห็นบรรยากาศการตกแต่งพิพิธภัณฑ์ได้ชัดเจน มีการนำเท็ดดี้แบร์ตัวน้อยมาจัดโชว์เป็นโซน บอกเล่าความเป็นมาของคนเกาหลีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านเจ้าหมีตัวน้อย อาทิ เท็ดดี้แบร์สวมชุดกษัตริย์ราชวงศ์โชซอน หรือจะเป็นเจ้าหมีร่วมงานพิธีกรรมต่าง ๆ งานเลี้ยงงานแต่ง วิถีชีวิตของชาวเกาหลี และหลากหลายอิริยาบถที่ถ่ายทอดผ่านตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์

รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในกรุงโซล เจ้าหมีน้อยก็เหมือนเป็นไกด์นำเที่ยวไปในตัว ทั้งคลองชองเกชอน อินซาดง เมียงดง หรือทง แดมุน

ที่โดนใจวัยโจ๋หน่อยเห็นจะเป็นโซนเจ้าหมีน้อยบี-บอย อ๊ะ ! ต้องเรียก "บี-แบร์" สินะ

ส่วนแฟน ๆ แดจังกึม คงจะถูกใจโซนในวัง ที่มีเรื่องราวของอาหาร และมีหมีน้อยที่ใส่ชุดซังกุงยืนดุนางกำนัลที่ทำอาหารหก ขณะที่หมีนางกำนัลอีกตัวกำลังกวาดพื้น ย้อนให้นึกถึง ซีรีส์เกาหลีแดจังกึมที่ฟีเวอร์ในเมืองไทยช่วงก่อนหน้านี้

เอาเป็นว่าใครผ่านมาโซนนี้เป็นต้องหยุดดูแล้วอมยิ้มทุกรายในความน่ารักของ "แบร์จังกึม"

งานนี้ต้องขอบคุณไกด์ "เก่ง วีรพงษ์" แห่ง เคทีซีซี ที่อธิบายในแต่ละโซน จนได้รับรู้ประวัติ วัฒนธรรม การดำเนินชีวิตของชาวเกาหลี ผ่านเจ้าหมีเท็ดดี้ได้อย่างละเอียดยิบ

ระหว่างทางเดินแต่ละโซนจะมีเจ้าหมีตัวเบิ้มยืนเป็นคู่ ใครอดใจในความน่ารักไว้ไม่ไหวจะเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความมันเขี้ยวก็ไม่ว่ากัน แล้วตบท้ายด้วยถ่ายรูปคู่

ที่เป็นดาราหน้ากล้องมากที่สุดก็หมีคู่รักที่แต่งตัวเป็น "เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา" ซีรีส์ฮิตในเมืองไทย (อีกแล้ว)

กำลังเพลินใกล้ถึงทางออกแล้ว แต่ก็ยังส่งท้ายด้วยประวัติเจ้าหมีบนผนังทางเดินออกทั้งสองด้าน

เป็นแอนิเมชั่นน่ารัก ๆ ปิดท้าย เรียกรอยยิ้มจากเทดดี้แบร์แฟนคลับ ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงทางออก...